วิธี เล่น บอล 1x2ข้อเสนอฟรี 2021|LOOK618.COM

tpt | <动态当天时间> | อ่าน(445) | แสดงความคิดเห็น(95)

1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องเรียกว่าธรรมชาติเอาคืนมนุษยชาติก็ว่าได้ เพราะมี ภัยธรรมชาติ เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนโดยเฉพาะในดินแดนปลาดิบ ช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เกิดเหตุ น้ำท่วมฉับพลันคร่าชีวิตคนญี่ปุ่นไปในระดับเกินร้อยราย ส่วนอีกสัปดาห์ก็มาเกิดเหตุ คลื่นความร้อน สังหารชาวญี่ปุ่นไปเฉียดร้อย อีกเช่นกัน ๐ ต้องบอกว่าเป็นเรื่อง สุดวิสัยที่มนุษย์ตัวกระจ้อยจะไปหาญท้าสู้กับ ธรรมชาติ แต่สิ่งที่เกิดจาก ฝีมือ มนุษย์ ด้วยกันนี่สิ น่าตำหนิติติงเสียเหลือเกิน ทั้งกรณีไฟป่าในสาธารณรัฐเฮลเลนิก หรือกรีซ ซึ่งล่าสุดพบตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 77 ราย ที่เชื่อกันว่าจากฝีมือคน หรือหากมองไปที่ใกล้ๆ บ้านเราก็คือเหตุการณ์ เขื่อนดินเซเปียน-เซน้ำน้อย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปปลาว) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแตก จนสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่ยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้ ก็เรียกว่าส่วนหนึ่งมาจากน้ำมือมนุษย์และธรรมชาติที่ผสมผเสกัน ๐ ไทย-ลาว พี่น้องกัน เหตุดังกล่าวจึงทำให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ได้ประกาศตั้งบัญชีบริจาคทันทีตั้งแต่วันที่ 24 กค ในขณะที่รัฐบาลไทยเอง พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็มอบเงินช่วยเหลือ 5 ล้านบาท หรือประมาณ 1,300 ล้านกีบ แก่นายแสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูต สปปลาวประจำประเทศไทย และ ทุกภาคส่วนก็ประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งทหาร-ตำรวจ หรือแม้แต่พระสงฆ์ ๐ แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมและถือเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้เรื่องเงียบหายไป คือ มาตรฐานของการสร้างเขื่อนมีเพียงพอหรือไม่อย่างไร และไม่ใช่เฉพาะ สปปลาวเท่านั้น พี่ไทยเองที่มีสารพัดเขื่อนและฝาย ก็ต้องมีการเช็กและตรวจสอบโดยด่วน ซึ่ง กฤษฎา บุญราช รมวเกษตรฯ ได้สั่งให้ ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานตรวจสอบแล้ว ซึ่งก็ยืนยันว่า เขื่อนขนาดใหญ่ 25 แห่ง เขื่อนขนาดกลาง 478 แห่ง และเขื่อนขนาดเล็ก 1,097 แห่ง นั้น มีความแข็งแรง โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่มีการติดตั้งเครื่องมือติดตามพฤติกรรมเขื่อนทุกแห่ง!!! ๐ หันมาเรื่องการเมืองการมุ้งกันบ้าง โดยเฉพาะใน วันที่ 26 กคนี้ ถือเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่จะครบ 69 ปี และปีนี้ก็ถือเป็นปีที่ 11 ที่ ทักษิณ ต้องจัดงานวันเกิดนอกบ้านเกิดเมืองอีกครั้ง แม้ก่อนวันเกิดจะได้ ข่าวดีของลูกสาวสุดที่รักอย่าง อุ้งอิ้ง ที่เตรียมสละโสดก็ตามที แต่ขณะเดียวกันก็ มีของขวัญจากกระบวนการยุติธรรมไทยในการออกหมายจับใบที่ 5 ในคดี หวยบนดิน แถมให้อีกใบ ๐ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ ลูกชาย หัวแก้วหัวแหวนอย่าง พานทองแท้ ชินวัตร พร้อมพวกก็ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งฟ้องในคดีร่วมกันฟอกเงินคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งก็น่าติดตามเช่นกันว่า บทลงเอยจะมารูปแบบเดียวกับ พ่อเหลี่ยม หรือไม่อย่างไร โดย ในวันที่ 5 กย ที่ศาลนัดฟังการสั่งคดีก็น่าจะเห็นแนวโน้มว่า โอ๊ค จะเจริญรอยตามบิดาหรือไม่ ๐ แหม! เรียกว่าเปิดตัวกันชัดๆ แล้วสำหรับพรรคอนาคตใหม่ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ คารม พลพรกลาง ทนายความคนเสื้อแดงได้ไปสมัครเป็นสมาชิก อนค พร้อมเฉลยกันแบบไม่กั๊กว่า เพราะเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่มีนโยบาย มีอุดมการณ์ใกล้เคียงพรรคเพื่อไทย! นอกจากนั้นยังจะหนีบ วิเชียรชนินทร์ สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดงร้อยเอ็ด และ นิสิต สินธุไพร อดีต สสร้อยเอ็ด พรรคไทยรักไทย และแกนนำ นปชส่วนกลางมาอยู่กับ อนคหรือจะเรียกว่า เพื่อไทยสาขา 2 หรือจะเรียกว่า แดงรีโรเวต ดีจ๊ะเนี่ย ๐ หันมาดูพรรคใหม่อย่าง พรรคพลังชาติไทย ของ พลตทรงกลด ทิพย์รัตน์ กันบ้าง ซึ่งเรื่องประกาศสนับสนุนให้ บิ๊กตู่ นั่งนายกฯ อีกสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรอก แต่การเอาความมั่นใจประกาศว่าจะกวาด สสไม่น้อยกว่า 300 ที่นั่งนั้น ไม่รู้เอามาจากไหน งานนี้เลย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมวพลังงาน และแกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊กเหน็บแบบเจ็บๆ คันๆ ว่า ชื่อคนและชื่อพรรคยังไม่มีใครรู้จักเลย แต่ฝันไปไกลมาก!!! ๐ ทิ้งท้ายด้วยข่าวดี สำหรับบรรดาคนข้ามเพศทั้งหลาย เพราะ พรบการจดทะเบียนคู่ชีวิต ใกล้คลอด เข้าไปทุกทีแล้ว แม้ล่าสุดยังไม่สะเด็ดน้ำเรื่องของสิทธิในทางกฎหมายจะเหมือนคู่สมรส ชาย-หญิง หรือการจดทะเบียนว่าอยู่ในหน่วยงานใดระหว่าง กระทรวงมหาดไทย หรือ กระทรวงยุติธรรม แต่ หลักการสำคัญว่าด้วย คนเพศเดียวกัน ก่อตั้งครอบครัวได้นั้น เคาะแล้วแน่นอน ๐【อ่านข้อความเต็ม】

【 ข่าวการค้าของจีน】บอลสด สกอเงินฟรี

3fj | <动态当天时间> | อ่าน(958) | แสดงความคิดเห็น(406)

วัดบางคลานวุ่นไม่จบ เสี่ยฮวด อดีต สจคนดังนำมวลชนขัดขวางการตรวจนับวัตถุมงคล ตำรวจถือหมายจับศาลแม่สอด คดีร่วมกันยักยอกทรัพย์ บุกรวบตัว เล่นเอาวงแตก ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่วัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่ยืดเยื้อยาวนานมา 4 ปี หลังพระพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาส ไม่สามารถเข้าวัดปฏิบัติศาสนกิจได้ เนื่องจากอดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลานซึ่งมติมหาเถรสมาคมปลดออกจากตำแหน่ง หลังถูกร้องเรียนประพฤติตนไม่เหมาะสม และมีปัญหาเรื่องเงินบริจาค รายได้จากการจำหน่ายวัตถุมงคล ยังไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สิน และมีกลุ่มบุคคลขัดขวางไม่ให้มีการดำเนินการใดๆ อีกทั้งยังมีการฟ้องร้องหลายคดี จนล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กค61 ศาลจังหวัดพิจิตรได้ไกล่เกลี่ยคู่ความจนได้ข้อยุติว่าจะไม่มีการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลาน ซึ่งเมื่อวันที่ 23-24 กคนี้ พระพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาส ได้นำคณะเข้าตรวจนับเงินในตู้บริจาค ได้เงินสด 4 ล้านบาทเศษ จึงนำเข้าธนาคารในบัญชีของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เหตุการณ์ที่ดูว่าจะคลี่คลายลงได้กลับปะทุขึ้นมาอีก โดยเมื่อเช้าวันที่ 25 กคนี้ พระพิสุทธิวรากรเตรียมจะตรวจนับวัตถุมงคลและบัญชีด้านการเงินต่างๆ แต่ปรากฏว่าได้มีนายกิตติ์ธเนศ โภคินบุญญารัศมิ์ หรือที่ชาวพิจิตรรู้จักกันในนามนายสุภรณ์ พรธาดาวิทย์ หรือ เสี่ยฮวด อดีต สจพิจิตร อายุ 53 ปี พาชาวบ้านประมาณกว่า 50 คนมานั่งขวางที่บันไดทางขึ้นวิหารหลวงพ่อเงิน พร้อมกับตั้งโต๊ะแถลงการณ์โต้ตอบและคัดค้านไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงที่เป็นการไกล่เกลี่ยคู่ความของศาลจังหวัดพิจิตร ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองถอนกำลังไปเกือบหมด โดยนายกิตติ์ธเนศกล่าวว่า ที่นำคนมาขัดขวางเพราะเห็นว่าการตรวจนับเงินที่ผ่านมาไม่โปร่งใส ท่ามกลางความตึงเครียด หลังเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุด ตำรวจจาก บกภจวพิจิตร ร่วมกับทหารและฝ่ายปกครอง ก็ได้เข้าจู่โจมเข้าจับกุมนายกิตติ์ธเนศ หรือเสี่ยฮวด แกนนำคนสำคัญที่ปลุกระดมคนมาปั่นป่วนในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน โดยตำรวจได้แสดงหมายจับของศาลแม่สอด จตาก ที่ จ 45/2561 ลงวันที่ 6 มีค61 ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ โดยเชิญตัวไปควบคุมตัวไว้ที่ สภโพทะเล เพื่อให้ตำรวจ สภแม่สอดมารับตัวไปดำเนินคดีต่อไป หลังจากมีการจับกุมเสี่ยฮวด ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมวงแตกพากันสลายตัวในทันที ขณะที่กลุ่มชาวบ้านที่สนับสนุนรักษาการเจ้าอาวาสต่างยกมือท่วมหัว และเชื่อว่าอาจเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อเงินที่มาปกป้องวัดหิรัญญาราม【อ่านข้อความเต็ม】

【 Baidu รู้】โหลดเกมส์ยิงปลาโชคดี2021 เล่นฟรี

rzb | <动态当天时间> | อ่าน(590) | แสดงความคิดเห็น(61)

ทนายแรมโบ้อีสาน ซดเดือด ทนายแดงพรรคธนาธร ปมอมเงิน! 25 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 18:59 น 【อ่านข้อความเต็ม】

【 เครือข่ายแม่น้ำแยงซี】ตารางคะแนนบอล ลีกเอิง2021โปรโมชั่น

hth | <动态当天时间> | อ่าน(354) | แสดงความคิดเห็น(629)

TMB แจ้งตลท ขายหุ้นบลจทหารไทย ล็อตแรก 65% และตกลงขายส่วนที่เหลืออีก 35% ในอนาคต ให้พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย【อ่านข้อความเต็ม】

【】ทดลองเล่นเกมยิงปลาฟรี2021 เล่นฟรี

f5f | <动态当天时间> | อ่าน(384) | แสดงความคิดเห็น(432)

โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม 26 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น ดรนพทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวในงานกิจกรรมภายใต้หัวข้อ ภัยจากโรคกระดูกพรุน จัดโดยชมรมรักษ์กระดูก ภายใต้มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บแอมเจน ประเทศไทย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์ผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัยมากกว่าประชากรเด็ก คือมีผู้สูงวัย 18% เด็ก 159% และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรสูงวัยมากกว่า 20% และในปี 2574 จะมีอัตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัยจึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในยุโรปและอเมริกามีผู้หญิงสูงวัยมากกว่า 7 แสนรายประสบปัญหากระดูกสะโพกหัก มีอัตราการตายประมาณ 20-25% ในปีแรก ในขณะที่คนไข้มากกว่า 1 ใน 3 ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และประมาณ 1 ใน 5 ต้องนอนบนเตียงตลอดไป ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักทั่วโลกในปี พศ2593 คาดการณ์จะมีจำนวนประมาณ 625 ล้านราย และในเอเชียมีประมาณ 325 ล้านราย สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลสถิติอัตราการตายภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2541 เป็นจำนวน 289 รายต่อแสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 367 รายต่อแสนคนต่อปีในปี 2546 ส่วนใหญ่กระดูกสะโพกหักเกิดจากล้มจากการยืนระดับปกติเท่านั้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐสูงถึง 200,000-300,000 ราย และต้องใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 227 วัน กระดูกในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น กระดูกสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตได้ตามอายุ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นแกนหลักในการยึดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่เคลื่อนไหวได้ และทำหน้าที่เป็นส่วนแข็งปกป้องอวัยวะภายใน รวมทั้งเป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญหลายอย่างในร่างกาย และแคลเซียมยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระดูกมีความแข็ง ทำให้กระดูกจำเป็นที่ต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานตามหน้าที่ที่ดี ทั้งนี้ มีกรณีตัวอย่างของผู้หญิงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกสันหลังหักยุบร่วมกับมีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุของโรคกระดูกพรุน ถ้าหากแพทย์ให้ความสนใจแค่การให้ยาระงับปวดมารับประทาน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาเรื่องโรคกระดูกพรุน หลังจากผ่านไป 4 ปี ผู้ป่วยคนนี้ก็กลับมาหาเราด้วยกระดูกสะโพกหักเนื่องจากล้ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะกระดูกหักซ้ำ ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ประมาณ 20-25% ผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วตั้งแต่กระดูกสันหลังหักยุบ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาตามแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าการผ่าตัดดามกระดูกที่หักหรือการเปลี่ยนข้อเทียมใดๆ ไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้ ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจว่ากระดูกพรุนเป็นเรื่องของโรคคนชรา ไม่มีทางรักษาได้ ในปัจจุบันทางการแพทย์ถือว่าโรคกระดูกพรุนสามารถรักษาได้ ถึงแม้จะทำให้หายขาดไปเลยไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดกระดูกหักได้ โดยให้การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการป้องกัน การให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและให้ได้รับวิตามิน D ที่เพียงพอ รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม และถ้าจำเป็นเราสามารถใช้ยาบางอย่างในการช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ ด้าน รศพญวิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ประธานชมรมรักษ์กระดูก กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันหนึ่งของโรคกระดูกพรุนคือ อายุมากขึ้น และผู้หญิงเป็นได้ง่ายกว่าผู้ชาย บางคนมีประวัติกระดูกหักมาก่อน มีประวัติการผ่าตัดที่รังไข่ การขาดประจำเดือนเป็นเวลานาน มีการใช้ยาสเตียรอยด์ บริโภคแคลเซียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม และขาดการออกกำลังกาย สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุน ปัจจุบันมียากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ และยายับยั้งการสลายกระดูก ทำให้ผู้ป่วยมีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรคคือ ให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสม รับแสงแดดอ่อนๆ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ที่เพียงพอ แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อยารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเค็มจัด และรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี เพราะจะไปทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากเกินไป【อ่านข้อความเต็ม】

【 ไชนานิวส์เจียงซู】วิเคราะห์บอลวันนี้ อลาเบสเงินฟรี

xhh | 2021-04-11 | อ่าน(97) | แสดงความคิดเห็น(102)

ข่าวเรื่อง เขื่อนแตก ในลาวคราวนี้ทำให้อดย้อนคิดไปถึงครั้งซึ่งเคยมีโอกาสร่วมเดินทางไปกับท่าน ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ไปพูดคุยเรื่องการซื้อๆ-ขายๆ ไฟฟ้ากับประเทศลาว เมื่อหลายสิบปีที่แล้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะคราวนั้นฝ่ายลาวเขาได้พาไปเยี่ยมชมเขื่อนน้ำเทิน หรือน้ำงึม ก็จำไม่ได้ซะแล้ว จำได้แต่บรรยากาศ ความรู้สึก ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายลาว ที่ออกจะปลาบปลื้มยินดี ภูมิอก ภูมิใจ ต่อเขื่อนที่ว่า ซึ่งอุบัติขึ้นมาในประเทศลาวซะเหลือเกิน【อ่านข้อความเต็ม】

【 นิวไชน่าเน็ต】คาสิโนสดประเทศไทย

5tf | 2021-04-11 | อ่าน(502) | แสดงความคิดเห็น(366)

ผู้สูงอายุจะออกกำลังนอกจากความหนักเบา ช้าเร็ว ไม่แข่งกับใครแล้ว ต้องพิจารณาหลักสร้างเสริมและรักษาการออกกำลังกาย ต้องการทำโดยสม่ำเสมอ จึงได้ผลดีการทำๆ หยุดๆ มักไม่ได้ผล และบางครั้งกลับเกิดผลเสีย ควรจะออกกำลังการอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 15-20 นาที ติดต่อกันอย่างน้อย 2-4 เดือน เวลาที่ออกกำลังกายจะเป็นเวลาใดก็ได้ แต่ควรจะสม่ำเสมอในเวลาเดียวกันทุกครั้ง เพราะมีผลต่อการปรับตัวของร่างกาย แต่ควรจะรออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ก่อนและหลังรับประทานอาหาร【อ่านข้อความเต็ม】

【 ปรึกษาแพทย์】ดูบอลสด พีเอโอเค2021โปรโมชั่น

vf5 | 2021-04-11 | อ่าน(380) | แสดงความคิดเห็น(310)

ฉลองวันเกิด นชทักษิณ ศาลฎีกาฯ ออกหมายจับใบที่ 5 คดีทุจริตหวยบนดิน นัดตรวจหลักฐาน 14 พย ดีเอสไอ ส่งความเห็นฟ้อง พานทองแท้ พร้อมอดีตเลขาฯ พจมาน-สามีคดีฟอกเงิน ธกรุงไทย ให้อัยการนัดสั่งคดีครั้งแรก 5 กยนี้ สมุนแม้วถึงลอนดอนแล้ว รอถกนายใหญ่แก้เกมพลังดูด โอ๊ค ประชดคงจะโดนล้อมจับ นปชสกลฯ เย้ยสามมิตรเดินสายทาบเสื้อแดงแค่การตลาด แรมโบ้ สั่งทนายแจงไม่เคยฮุบเงินค่าทนายเสื้อแดง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 25 กรกฎาคม องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ออกนั่งบัลลังก์นัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดํา อม1/2551 ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) เข้าเป็นคู่ความแทน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร กับพวกรวม 47 คน เป็นจำเลย ในความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อ พรบว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 90, 91, 147, 152, 153, 154 และ 157 และ พรบว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พศ 2502 มาตรา 3, 4, 8, 9, 10 และ 11 กรณีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (หวยบนดิน) หลัง ปปชยื่นรื้อฟื้นคดีตามกฎหมายใหม่ วันนี้ ปปชโจทก์เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล โดยองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่า นายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่เดินทางมาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยหลบหนี จึงให้ออกหมายจับ กรณีหากไม่สามารถจับกุมได้ภายใน 3 เดือน ศาลมีอำนาจดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีโดยไม่ต้องทำต่อหน้าจำเลยได้ แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยในการต่อสู้คดี ตาม พรบประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พศ2560 มาตรา 28 วรรคสอง ให้โจทก์ติดตามผลการจับกุมพร้อมรายงานให้ศาลรับทราบ ส่วนที่จำเลยไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งแรก ให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธตาม พรบประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พศ2560 มาตรา 33 วรรคสาม จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 14 พย2561 เวลา 1400 น โดยให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานหลักฐานก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 14 วัน และให้ส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายต่อไป สำหรับหมายจับให้มาฟังพิจารณาคดีที่ศาลออกให้ดังกล่าว ถือเป็นหมายจับใหม่ใบที่ 5 เนื่องจากเป็นการเริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามกฎหมายใหม่ โดยที่หมายจับใบเดิมในคดีนี้ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งยกเลิกและยังไม่ถือว่าหมดอายุความ ในคดีที่อัยการสูงสุดและ ปปช ในฐานะโจทก์ยื่นฟ้องคดี และยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลยตามกฎหมายใหม่ ประกอบด้วย คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย, คดีทุจริตการปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์, คดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต และคดีฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้พานางกาญจนาภา หงษ์เหิน ซึ่งเคยเป็นเลขานุการของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนที่ 23, นายวันชัย หงษ์เหิน ซึ่งเป็นสามีของนางกาญจนาภา และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของคุณหญิงพจมาน และนายทักษิณ เป็นผู้ต้องหาที่ 2-4 คดีร่วมกันฟอกเงิน พร้อมสำนวนเอกสารหลักฐานหลายลังใหญ่ และความเห็นควรฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการทุจริตอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มธุรกิจในเครือกฤษดามหานครโดยมิชอบ ซึ่งมีธุรกรรมการเงินจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เข้าไปยังกลุ่ม และความเห็นควรไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 1 มาส่งให้อัยการ ณ สำนักงานอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาและมีความเห็นสั่งคดีต่อไป โอ๊ค เหน็บจะโดนล้อมจับ โดยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า หลังจากอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้รับสำนวนคดีทั้งหมดพร้อมตัวผู้ต้องหาแล้ว ก็ได้นัดให้นางกาญจนาภา, นายวันชัย และนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาทั้งสามคนที่มารายงานตัววันนี้มาพบอัยการ เพื่อรับทราบความเห็นในการสั่งคดีครั้งแรกในวันที่ 5 กยนี้ เวลา 0900 น ซึ่งผู้ต้องหาก็จะต้องเดินทางมารายงานตัวทุกครั้งตามนัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติการณ์ตรวจสอบการฟอกเงินที่เกี่ยวกับการทุจริตอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยฯ นั้น ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้ส่งสำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องกลุ่มอื่นมาให้อัยการแล้ว ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนและการร้องขอความเป็นธรรมที่ผู้ต้องหายื่นเข้ามา ส่วนกรณีของกลุ่มนางกาญจนาภา และนายพานทองแท้ ที่ส่งสำนวนกล่าวหาฟอกเงินให้อัยการในวันนี้ ถือเป็นสำนวนที่ 2 แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแต่อย่างใด โดยส่วนที่ดีเอสไอมีความเห็นควรไม่ฟ้องนางเกศินีนั้น อัยการก็จะได้พิจารณาต่อไป ซึ่งหากภายหลังอัยการพิจารณาแล้วจะมีคำสั่งให้ฟ้อง ก็จะแจ้งให้นำตัวนางเกศินีมาส่งให้อัยการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า สำหรับงานวันเกิด 69 ปี วันที่ 26 กคของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีบรรดาแกนนำพรรคคนสนิทเดินทางไปหลายคน ทั้งระดับแกนนำพรรค คนในครอบครัว และกลุ่มอดีต สสระดับแกนนำโซนภูมิภาค อาทิ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวและแกนนำพรรค, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต สสแพร่ รวมทั้งบุตรสาว 2 คน เอม-พินทองทา ชินวัตร อุ๊งอิ๊ง-นสแพทองธาร ชินวัตร ที่เดินทางไปกับแฟนหนุ่มรุ่นพี่ โดยคณะแกนนำพรรคและกลุ่มอดีต สสได้เดินทางถึงกรุงลอนดอนแล้ว และรอพบปะกับนายทักษิณ ที่จะจัดงานเลี้ยงขอบคุณต่อคณะที่เดินทางไปในช่วงเย็นวันที่ 26 กค คาดว่าจะมีการพูดคุย วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะประเด็นสสย้ายพรรค รายงานข่าวแจ้งอีกว่า คณะคนที่เดินทางไปนั้น ไม่มีบุคคลจากคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยไปด้วย เนื่องจากป้องกันประเด็นข้อกฎหมาย หากถูกตรวจสอบพบว่าไปหรือจับภาพได้ อาจจะเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามนำมาเชื่อมโยงนำไปสู่ประเด็นการร้องให้มีการยุบพรรคได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในอินสตาแกรม นสแพทองธาร ได้ลงรูปภาพจำนวนมาก โดยมีภาพแห่งความสุข ทั้งการเตรียมชุดวิวาห์ และภาพขณะถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงาน โดยมีบรรดาเซเลบ ดาราคนดัง เข้ามากดไลค์แสดงความยินดีร่วมอวยพรจำนวนมาก อาทิ กาละแมร์-นสพัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรฝีปากกล้า, วีเจวุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ดารานักแสดงชื่อดัง, ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา ดารานางร้ายสุดแซบ เป็นต้น อีกด้านหนึ่ง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ได้โพสต์อินสตาแกรม พร้อมกับนำภาพข่าวจากเว็บไซต์บางแห่งที่ระบุ หิ้วโอ๊ค-พานทองแท้ ส่งอัยการฟ้องคดีฟอกเงินกรุงไทย โดยนายพานทองแท้โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมว่า หิ้วเลยหรอครับ เมื่อเช้ายังแค่คุมตัวอยู่เลย อีกสักพักคงจะล้อมจับแล้วสินะ ด้านพราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ ประธาน นปชสกลนคร กล่าวว่า จากกระแสข่าวนายภิรมย์ พลวิเศษ สมาชิกกลุ่มสามมิตร เดินสายทาบทามแนวร่วมคนเสื้อแดงหลายจังหวัด และไปพูดคุยกับนายถนอม สมผล ประธาน นปชสกลนครนั้น เป็นไปด้วยความคลาดเคลื่อน นายถนอมเป็นเพียงแนวร่วมคนเสื้อแดงสกลนคร ที่เคยไปชุมนุมร่วมกับคนเสื้อแดงเท่านั้น ไม่ได้เป็นประธานคนเสื้อแดงสกลนคร โดยตนยังเป็นประธานนปชสกลนคร นายถนอมเคยพยายามติดต่อให้พรรคเพื่อไทยส่งลงเป็นผู้สมัครเลือกตั้งเมื่อปี 2554 แต่ขณะนั้นพื้นที่เต็ม ต่อมาการเลือกตั้งซ่อมปี 2557 ไปลงสมัครสสสกลนคร พรรคชาติพัฒนา จากนั้นไม่ได้ร่วมงานมวลชนกับทางคนเสื้อแดงอีกเลย จนมามีข่าวจะไปร่วมงานการเมืองกับกลุ่มสามมิตรที่นายภิรมย์ไปเดินสายทาบทามคนเสื้อแดง เป็นแค่การตลาด และดึงได้แต่แนวร่วมเท่านั้น ไม่ได้เอาแกนนำระดับหัวไป โดยแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญในภาคอีสาน ยังยืนยันอยู่กับคนเสื้อแดง สนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไปทนายแดงปะทะแรมโบ้ นายคารม พลพรกลาง ทนายความคนเสื้อแดง และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ตนตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากพื้นที่ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งใน จร้อยเอ็ด ของพรรคเพื่อไทยเต็ม ที่มาร่วมงานพรรคอนาคตใหม่เพราะเห็นว่ามีนโยบาย มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดงร้อยเอ็ด และน้องชายนายนิสิต สินธุไพร อดีต สสร้อยเอ็ด พรรคไทยรักไทย และแกนนำ นปชส่วนกลาง ได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคอนาคตใหม่ จร้อยเอ็ด เช่นกัน แม้ผมจะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ แต่ไม่เคยไปพูดถึงต้นสังกัดเดิมในทางไม่ดี ไม่เหมือนกับนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ไปบอกว่า นปช พรรคเพื่อไทย ไม่ดูแลนั้น ไม่ใช่ เพราะนายสุภรณ์เคยได้รับตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สมัยการชุมนุมคนเสื้อแดง กรณีทุบรถนายอภิสิทธิ์ ในกระทรวงมหาดไทยเมื่อปี 2552 ผมเป็นหนึ่งในทีมทนาย ขณะนั้นมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้ฝากค่าทนายเกี่ยวกับเรื่องคดีมาให้ผม แทนที่จะต้องนำมาให้ทนายความ แต่กลับเก็บไว้เป็นของส่วนตัวเสียเอง นายสุภรณ์ไม่ใช่นักการเมืองที่มีคุณภาพหรืออุดมการณ์ เมื่อมีคนมาเสนออะไรให้ก็เปลี่ยนอุดมการณ์ แล้วยังหันมาให้ร้ายกับพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดงในทางไม่ดีอีก นายคารมกล่าว ขณะที่นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความนายสุภรณ์ ตอบโต้ว่า นายคารมไม่เคยได้มาร่วมทำคดีดังกล่าว หลังเกิดเหตุชุมนุมทางการเมืองในกระทรวงมหาดไทยคราวนั้น พอเป็นคดีความนายสุภรณ์ได้ประสานตนให้ไปทำคดีว่าความให้ที่ระบุว่ามีการฝากเงินมาให้ แต่ไม่ได้นั้นก็ขออยากให้บอกออกมาเลยว่าใครฝากเงินมาให้ ขอให้ระบุให้ชัด แต่เราไม่อยากให้ราคา ไปเอาเรื่องเอาราว ไปตอแยด้วย คงจะไม่ไปฟ้องร้องอะไรทั้งนั้น เท่าที่รู้คดีความของนายสุภรณ์ เรื่องค่าทนาย นายสุภรณ์ควักจ่ายเองทั้งหมด ไม่มีการไประดมทุนมาจากใคร นายอิสสระ สมชัย อดีต สสอุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอาจมีการใช้อำนาจมาตรา 44 ยกยอดการทำไพรมารีโหวตออกไปว่า ในเมื่อกฎหมายลูกพรรคการเมือง เขียนมาจนมีผลบังคับใช้แล้ว ทุกคนยอมรับตามกติกา ถ้าจะใช้มาตรา 44 ด้วยข้ออ้างเพื่อมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจมีบางพรรคทำไม่ทันนั้น ตนว่าไม่ใช่ แต่ช่วยพรรคตั้งใหม่เพื่อหวังผลการเลือกตั้งจะให้เกิดประโยชน์กับพรรคที่สนับสนุนพลอประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อ คำสั่ง คสชยังกดไว้ไม่ให้พรรคใหญ่ขยับ แต่กลุ่มสามมิตรลุยกันแหลก คุยกันแต่ละครั้งเกินห้าคนทั้งสิ้นแต่ไม่เป็นไร ตนว่าน่าเกลียดไป หากจะแก้กติกาตั้งใจช่วยพรรคใหม่ที่ประกาศชัดเจนว่าจะหนุน คสชบริหารประเทศต่อ ขอให้อย่ารังแกพรรคเก่า อย่าสองมาตรฐาน ขอให้ใจกว้างกล้าปลดล็อก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท) กล่าวว่า ตอนนี้ตนกำลังร่วมมือกับประชาชน ที่เคยออกมาเดินขบวนด้วยกัน มาต่อสู้กันเพื่อบ้านเมือง เรากำลังจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่จะเป็นพรรคการเมืองที่แท้จริงของประชาชน ไม่ใช่การเมืองเพื่อคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของส่วนรวม แม้ว่าตนจะเป็นกำลังสำคัญในการจัดตั้งพรรค รปช ตนก็จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส ไม่เป็นหัวหน้าพรรค ไม่เป็นกรรมการพรรค และขอบอกพี่น้องประชาชนว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช) เป็นรัฐบาลแน่นอนหลังเลือกตั้ง ตนก็จะไม่รับตำแหน่งเป็นรองนายกฯ หรือเป็นรัฐมนตรีที่ไหนทั้งสิ้น เรียกว่าทำพรรคการเมืองคราวนี้ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน ที่กระทรวงกลาโหม พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมวกลาโหม ได้มอบหมายให้ พลอชัยชาญ ช้างมงคล รมชกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม เนื่องจากอยู่ระหว่างการพักฟื้นอาการท้องเสียช่วงประชุม ครมสัญจร ที่ จอุบลราชธานี วันที่ 24 กคที่ผ่านมา โดย พลทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พลอประวิตรอาการของท่านดีขึ้นแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นในบ้านพักตนเอง เนื่องจากระบบทางเดินอาหารยังไม่เป็นปกติ แต่อาการไม่น่าเป็นห่วง ท่านดีขึ้นแล้ว แต่ต้องพักฟื้นก่อน【อ่านข้อความเต็ม】

【 Fengxun】ผล บอล สด 888 น

bxp | 2021-04-11 | อ่าน(355) | แสดงความคิดเห็น(767)

ด้วยเหตุนี้เมื่อความจริงทางธรรมชาติ ปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็นแบบจะจะ จังๆ ประเทศที่เต็มไปด้วย เขื่อน กองระเกะระกะไปแทบทั้งประเทศ และแม้เขื่อนนั้นๆ จะถูกนิรมิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันก้าวหน้า ล้ำสมัย เพียงใดก็ตาม เช่น เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ในประเทศลาวเป็นต้น ที่มีบริษัทเกาหลีอย่าง SK Engineering and Construction บริษัท Korea Western Power รวมทั้งบริษัท ราชบุรี โฮลดิ้ง ของไทย ร่วมถือหุ้นในโครงการเกือบทั้งหมด เลยหนีไม่พ้นต้องแตกดังโพละเอาดื้อๆ!!! ส่งผลให้พี่น้องชาวลาวกว่า 6,600 ครอบครัว ต้องบ้านแตก สาแหรกขาด ไร้ที่นา คาที่อยู่ ส่วนที่สูญหาย สูญเสีย ก็ยังมิอาจคาดคำนวณได้ ต้องเผชิญกับชะตากรรม ที่ไม่ต่างอะไรไปจากพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ป่าไม้ ภูเขา ห้วยละหานลำธาร ต่างเคยเผชิญมาแล้ว จากเขื่อนแต่ละเขื่อนที่ทยอยสร้างขึ้นมาตามลำดับ【อ่านข้อความเต็ม】

【 หุบเขาซิลิคอน】ผลบอลสด วิเคราะห์บอลวันนี้เงินฟรี

r5f | 2021-04-10 | อ่าน(703) | แสดงความคิดเห็น(816)

โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม 26 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น ดรนพทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวในงานกิจกรรมภายใต้หัวข้อ ภัยจากโรคกระดูกพรุน จัดโดยชมรมรักษ์กระดูก ภายใต้มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บแอมเจน ประเทศไทย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์ผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัยมากกว่าประชากรเด็ก คือมีผู้สูงวัย 18% เด็ก 159% และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรสูงวัยมากกว่า 20% และในปี 2574 จะมีอัตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัยจึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในยุโรปและอเมริกามีผู้หญิงสูงวัยมากกว่า 7 แสนรายประสบปัญหากระดูกสะโพกหัก มีอัตราการตายประมาณ 20-25% ในปีแรก ในขณะที่คนไข้มากกว่า 1 ใน 3 ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และประมาณ 1 ใน 5 ต้องนอนบนเตียงตลอดไป ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักทั่วโลกในปี พศ2593 คาดการณ์จะมีจำนวนประมาณ 625 ล้านราย และในเอเชียมีประมาณ 325 ล้านราย สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลสถิติอัตราการตายภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2541 เป็นจำนวน 289 รายต่อแสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 367 รายต่อแสนคนต่อปีในปี 2546 ส่วนใหญ่กระดูกสะโพกหักเกิดจากล้มจากการยืนระดับปกติเท่านั้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐสูงถึง 200,000-300,000 ราย และต้องใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 227 วัน กระดูกในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น กระดูกสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตได้ตามอายุ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นแกนหลักในการยึดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่เคลื่อนไหวได้ และทำหน้าที่เป็นส่วนแข็งปกป้องอวัยวะภายใน รวมทั้งเป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญหลายอย่างในร่างกาย และแคลเซียมยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระดูกมีความแข็ง ทำให้กระดูกจำเป็นที่ต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานตามหน้าที่ที่ดี ทั้งนี้ มีกรณีตัวอย่างของผู้หญิงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกสันหลังหักยุบร่วมกับมีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุของโรคกระดูกพรุน ถ้าหากแพทย์ให้ความสนใจแค่การให้ยาระงับปวดมารับประทาน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาเรื่องโรคกระดูกพรุน หลังจากผ่านไป 4 ปี ผู้ป่วยคนนี้ก็กลับมาหาเราด้วยกระดูกสะโพกหักเนื่องจากล้ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะกระดูกหักซ้ำ ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ประมาณ 20-25% ผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วตั้งแต่กระดูกสันหลังหักยุบ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาตามแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าการผ่าตัดดามกระดูกที่หักหรือการเปลี่ยนข้อเทียมใดๆ ไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้ ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจว่ากระดูกพรุนเป็นเรื่องของโรคคนชรา ไม่มีทางรักษาได้ ในปัจจุบันทางการแพทย์ถือว่าโรคกระดูกพรุนสามารถรักษาได้ ถึงแม้จะทำให้หายขาดไปเลยไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดกระดูกหักได้ โดยให้การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการป้องกัน การให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและให้ได้รับวิตามิน D ที่เพียงพอ รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม และถ้าจำเป็นเราสามารถใช้ยาบางอย่างในการช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ ด้าน รศพญวิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ประธานชมรมรักษ์กระดูก กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันหนึ่งของโรคกระดูกพรุนคือ อายุมากขึ้น และผู้หญิงเป็นได้ง่ายกว่าผู้ชาย บางคนมีประวัติกระดูกหักมาก่อน มีประวัติการผ่าตัดที่รังไข่ การขาดประจำเดือนเป็นเวลานาน มีการใช้ยาสเตียรอยด์ บริโภคแคลเซียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม และขาดการออกกำลังกาย สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุน ปัจจุบันมียากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ และยายับยั้งการสลายกระดูก ทำให้ผู้ป่วยมีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรคคือ ให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสม รับแสงแดดอ่อนๆ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ที่เพียงพอ แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อยารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเค็มจัด และรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี เพราะจะไปทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากเกินไป【อ่านข้อความเต็ม】

【 Bei State Net】ดู บอล ออนไลน์ ภาษา ไทย

nxb | 2021-04-10 | อ่าน(225) | แสดงความคิดเห็น(830)

โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม 26 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น ดรนพทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวในงานกิจกรรมภายใต้หัวข้อ ภัยจากโรคกระดูกพรุน จัดโดยชมรมรักษ์กระดูก ภายใต้มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บแอมเจน ประเทศไทย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์ผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัยมากกว่าประชากรเด็ก คือมีผู้สูงวัย 18% เด็ก 159% และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรสูงวัยมากกว่า 20% และในปี 2574 จะมีอัตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัยจึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในยุโรปและอเมริกามีผู้หญิงสูงวัยมากกว่า 7 แสนรายประสบปัญหากระดูกสะโพกหัก มีอัตราการตายประมาณ 20-25% ในปีแรก ในขณะที่คนไข้มากกว่า 1 ใน 3 ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และประมาณ 1 ใน 5 ต้องนอนบนเตียงตลอดไป ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักทั่วโลกในปี พศ2593 คาดการณ์จะมีจำนวนประมาณ 625 ล้านราย และในเอเชียมีประมาณ 325 ล้านราย สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลสถิติอัตราการตายภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2541 เป็นจำนวน 289 รายต่อแสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 367 รายต่อแสนคนต่อปีในปี 2546 ส่วนใหญ่กระดูกสะโพกหักเกิดจากล้มจากการยืนระดับปกติเท่านั้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐสูงถึง 200,000-300,000 ราย และต้องใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 227 วัน กระดูกในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น กระดูกสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตได้ตามอายุ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นแกนหลักในการยึดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่เคลื่อนไหวได้ และทำหน้าที่เป็นส่วนแข็งปกป้องอวัยวะภายใน รวมทั้งเป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญหลายอย่างในร่างกาย และแคลเซียมยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระดูกมีความแข็ง ทำให้กระดูกจำเป็นที่ต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานตามหน้าที่ที่ดี ทั้งนี้ มีกรณีตัวอย่างของผู้หญิงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกสันหลังหักยุบร่วมกับมีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุของโรคกระดูกพรุน ถ้าหากแพทย์ให้ความสนใจแค่การให้ยาระงับปวดมารับประทาน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาเรื่องโรคกระดูกพรุน หลังจากผ่านไป 4 ปี ผู้ป่วยคนนี้ก็กลับมาหาเราด้วยกระดูกสะโพกหักเนื่องจากล้ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะกระดูกหักซ้ำ ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ประมาณ 20-25% ผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วตั้งแต่กระดูกสันหลังหักยุบ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาตามแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าการผ่าตัดดามกระดูกที่หักหรือการเปลี่ยนข้อเทียมใดๆ ไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้ ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจว่ากระดูกพรุนเป็นเรื่องของโรคคนชรา ไม่มีทางรักษาได้ ในปัจจุบันทางการแพทย์ถือว่าโรคกระดูกพรุนสามารถรักษาได้ ถึงแม้จะทำให้หายขาดไปเลยไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดกระดูกหักได้ โดยให้การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการป้องกัน การให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและให้ได้รับวิตามิน D ที่เพียงพอ รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม และถ้าจำเป็นเราสามารถใช้ยาบางอย่างในการช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ ด้าน รศพญวิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ประธานชมรมรักษ์กระดูก กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันหนึ่งของโรคกระดูกพรุนคือ อายุมากขึ้น และผู้หญิงเป็นได้ง่ายกว่าผู้ชาย บางคนมีประวัติกระดูกหักมาก่อน มีประวัติการผ่าตัดที่รังไข่ การขาดประจำเดือนเป็นเวลานาน มีการใช้ยาสเตียรอยด์ บริโภคแคลเซียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม และขาดการออกกำลังกาย สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุน ปัจจุบันมียากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ และยายับยั้งการสลายกระดูก ทำให้ผู้ป่วยมีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรคคือ ให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสม รับแสงแดดอ่อนๆ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ที่เพียงพอ แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อยารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเค็มจัด และรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี เพราะจะไปทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากเกินไป【อ่านข้อความเต็ม】

【 การเงินหุ้นจีน】ดูบอลสด ศรีสะเกษ อยุธยา2021 เล่นฟรี

3tr | 2021-04-10 | อ่าน(179) | แสดงความคิดเห็น(762)

โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม 26 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น ดรนพทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวในงานกิจกรรมภายใต้หัวข้อ ภัยจากโรคกระดูกพรุน จัดโดยชมรมรักษ์กระดูก ภายใต้มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บแอมเจน ประเทศไทย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์ผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัยมากกว่าประชากรเด็ก คือมีผู้สูงวัย 18% เด็ก 159% และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรสูงวัยมากกว่า 20% และในปี 2574 จะมีอัตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัยจึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในยุโรปและอเมริกามีผู้หญิงสูงวัยมากกว่า 7 แสนรายประสบปัญหากระดูกสะโพกหัก มีอัตราการตายประมาณ 20-25% ในปีแรก ในขณะที่คนไข้มากกว่า 1 ใน 3 ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และประมาณ 1 ใน 5 ต้องนอนบนเตียงตลอดไป ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักทั่วโลกในปี พศ2593 คาดการณ์จะมีจำนวนประมาณ 625 ล้านราย และในเอเชียมีประมาณ 325 ล้านราย สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลสถิติอัตราการตายภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2541 เป็นจำนวน 289 รายต่อแสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 367 รายต่อแสนคนต่อปีในปี 2546 ส่วนใหญ่กระดูกสะโพกหักเกิดจากล้มจากการยืนระดับปกติเท่านั้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐสูงถึง 200,000-300,000 ราย และต้องใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 227 วัน กระดูกในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น กระดูกสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตได้ตามอายุ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นแกนหลักในการยึดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่เคลื่อนไหวได้ และทำหน้าที่เป็นส่วนแข็งปกป้องอวัยวะภายใน รวมทั้งเป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญหลายอย่างในร่างกาย และแคลเซียมยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระดูกมีความแข็ง ทำให้กระดูกจำเป็นที่ต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานตามหน้าที่ที่ดี ทั้งนี้ มีกรณีตัวอย่างของผู้หญิงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกสันหลังหักยุบร่วมกับมีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุของโรคกระดูกพรุน ถ้าหากแพทย์ให้ความสนใจแค่การให้ยาระงับปวดมารับประทาน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาเรื่องโรคกระดูกพรุน หลังจากผ่านไป 4 ปี ผู้ป่วยคนนี้ก็กลับมาหาเราด้วยกระดูกสะโพกหักเนื่องจากล้ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะกระดูกหักซ้ำ ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ประมาณ 20-25% ผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วตั้งแต่กระดูกสันหลังหักยุบ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาตามแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าการผ่าตัดดามกระดูกที่หักหรือการเปลี่ยนข้อเทียมใดๆ ไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้ ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจว่ากระดูกพรุนเป็นเรื่องของโรคคนชรา ไม่มีทางรักษาได้ ในปัจจุบันทางการแพทย์ถือว่าโรคกระดูกพรุนสามารถรักษาได้ ถึงแม้จะทำให้หายขาดไปเลยไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดกระดูกหักได้ โดยให้การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการป้องกัน การให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและให้ได้รับวิตามิน D ที่เพียงพอ รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม และถ้าจำเป็นเราสามารถใช้ยาบางอย่างในการช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ ด้าน รศพญวิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ประธานชมรมรักษ์กระดูก กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันหนึ่งของโรคกระดูกพรุนคือ อายุมากขึ้น และผู้หญิงเป็นได้ง่ายกว่าผู้ชาย บางคนมีประวัติกระดูกหักมาก่อน มีประวัติการผ่าตัดที่รังไข่ การขาดประจำเดือนเป็นเวลานาน มีการใช้ยาสเตียรอยด์ บริโภคแคลเซียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม และขาดการออกกำลังกาย สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุน ปัจจุบันมียากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ และยายับยั้งการสลายกระดูก ทำให้ผู้ป่วยมีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรคคือ ให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสม รับแสงแดดอ่อนๆ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ที่เพียงพอ แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อยารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเค็มจัด และรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี เพราะจะไปทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากเกินไป【อ่านข้อความเต็ม】

【 ไชนานิวส์】ดูบอลสด การท่าเรือเงินฟรี

dj4 | 2021-04-10 | อ่าน(513) | แสดงความคิดเห็น(28)

โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม 26 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น ดรนพทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวในงานกิจกรรมภายใต้หัวข้อ ภัยจากโรคกระดูกพรุน จัดโดยชมรมรักษ์กระดูก ภายใต้มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บแอมเจน ประเทศไทย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์ผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัยมากกว่าประชากรเด็ก คือมีผู้สูงวัย 18% เด็ก 159% และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรสูงวัยมากกว่า 20% และในปี 2574 จะมีอัตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัยจึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในยุโรปและอเมริกามีผู้หญิงสูงวัยมากกว่า 7 แสนรายประสบปัญหากระดูกสะโพกหัก มีอัตราการตายประมาณ 20-25% ในปีแรก ในขณะที่คนไข้มากกว่า 1 ใน 3 ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และประมาณ 1 ใน 5 ต้องนอนบนเตียงตลอดไป ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักทั่วโลกในปี พศ2593 คาดการณ์จะมีจำนวนประมาณ 625 ล้านราย และในเอเชียมีประมาณ 325 ล้านราย สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลสถิติอัตราการตายภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2541 เป็นจำนวน 289 รายต่อแสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 367 รายต่อแสนคนต่อปีในปี 2546 ส่วนใหญ่กระดูกสะโพกหักเกิดจากล้มจากการยืนระดับปกติเท่านั้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐสูงถึง 200,000-300,000 ราย และต้องใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 227 วัน กระดูกในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น กระดูกสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตได้ตามอายุ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นแกนหลักในการยึดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่เคลื่อนไหวได้ และทำหน้าที่เป็นส่วนแข็งปกป้องอวัยวะภายใน รวมทั้งเป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญหลายอย่างในร่างกาย และแคลเซียมยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระดูกมีความแข็ง ทำให้กระดูกจำเป็นที่ต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานตามหน้าที่ที่ดี ทั้งนี้ มีกรณีตัวอย่างของผู้หญิงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกสันหลังหักยุบร่วมกับมีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุของโรคกระดูกพรุน ถ้าหากแพทย์ให้ความสนใจแค่การให้ยาระงับปวดมารับประทาน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาเรื่องโรคกระดูกพรุน หลังจากผ่านไป 4 ปี ผู้ป่วยคนนี้ก็กลับมาหาเราด้วยกระดูกสะโพกหักเนื่องจากล้ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะกระดูกหักซ้ำ ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ประมาณ 20-25% ผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วตั้งแต่กระดูกสันหลังหักยุบ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาตามแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าการผ่าตัดดามกระดูกที่หักหรือการเปลี่ยนข้อเทียมใดๆ ไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้ ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจว่ากระดูกพรุนเป็นเรื่องของโรคคนชรา ไม่มีทางรักษาได้ ในปัจจุบันทางการแพทย์ถือว่าโรคกระดูกพรุนสามารถรักษาได้ ถึงแม้จะทำให้หายขาดไปเลยไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดกระดูกหักได้ โดยให้การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการป้องกัน การให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและให้ได้รับวิตามิน D ที่เพียงพอ รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม และถ้าจำเป็นเราสามารถใช้ยาบางอย่างในการช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ ด้าน รศพญวิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ประธานชมรมรักษ์กระดูก กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันหนึ่งของโรคกระดูกพรุนคือ อายุมากขึ้น และผู้หญิงเป็นได้ง่ายกว่าผู้ชาย บางคนมีประวัติกระดูกหักมาก่อน มีประวัติการผ่าตัดที่รังไข่ การขาดประจำเดือนเป็นเวลานาน มีการใช้ยาสเตียรอยด์ บริโภคแคลเซียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม และขาดการออกกำลังกาย สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุน ปัจจุบันมียากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ และยายับยั้งการสลายกระดูก ทำให้ผู้ป่วยมีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรคคือ ให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสม รับแสงแดดอ่อนๆ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ที่เพียงพอ แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อยารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเค็มจัด และรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี เพราะจะไปทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากเกินไป【อ่านข้อความเต็ม】

【 39 สุขภาพสุทธิ】ฟุตบอล 39 ปี ช่อง 3เงินฟรี

pdn | 2021-04-09 | อ่าน(793) | แสดงความคิดเห็น(123)

โศกนาฏกรรมเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย นายกฯ ลาว เผยเสียชีวิตแล้ว 26 ราย สูญหายอีก 131 คน บริษัทเกาหลีใต้อ้างแจ้งเตือนก่อนเขื่อนพัง แต่วิทยุเอเชียเสรีแฉเตือนล่วงหน้าแค่ 2 ชั่วโมง ชาวบ้านอพยพไม่ทัน ไทยระดมให้ความช่วยเหลือ พระสังฆราชมีพระบัญชาให้คณะสงฆ์หนตะวันออกทุกจังหวัดรวบรวมความช่วยเหลือ บิ๊กตู่ มอบ 1,300 ล้านกีบ ส่วนกองทัพส่งซี 130 ฮ รถ เรือ ลุยแล้ว จากเหตุการณ์เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยแตก ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลทะลักท่วมถล่มเมืองสนามไชย แขวงอัตตะปือ ตอนใต้ของประเทศลาว บ้านเรือนจำนวนมาก รวมทั้งวัดถูกน้ำท่วมถึงหลังคา ชาวบ้านหนีตายขึ้นไปอยู่ตามต้นไม้และหลังคาบ้าน รอคอยความช่วยเหลือ มีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายร้อยคน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด ของลาว ที่แถลงผ่านโทรทัศน์เมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ 25 กรกฎาคมว่า เหตุการณ์เขื่อนแตกตั้งแต่ค่ำวันจันทร์ทำให้มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และยังมีคนสูญหาย 131 คน ทั้งหมดเป็นชาวลาว สำนักข่าวเอเอฟพียังเผยอีกว่า บริษัทเกาหลีใต้ที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าในลาวระบุว่า บริษัทพบโครงสร้างส่วนบนของเขื่อนเสียหายก่อนเขื่อนแตก 24 ชั่วโมง บริษัท เอสเค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น บริษัทก่อสร้างจากเกาหลีใต้ ที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนต่างชาติที่เข้าดำเนินโครงการเขื่อนระบุว่า บริษัทพบความเสียหายที่เขื่อนเสริมเมื่อเวลาประมาณ 2100 น ของวันอาทิตย์ เราได้แจ้งเตือนทางการทันที และเริ่มอพยพชาวบ้านที่อยู่ใกล้ คำแถลงของบริษัทระบุ บริษัทเกาหลีใต้ระบุว่า ได้ส่งทีมลงพื้นที่พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ เรือ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ในตอนนี้ บริษัท SK E C กำลังร่วมมือกับรัฐบาลทำงานช่วยเหลือกู้ภัยและบรรเทาความเสียหาย คำแถลงระบุ เขื่อนมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์แห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนกัมพูชา เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้การควบคุมของบริษัท เซเปียนเซน้ำน้อยเพาเวอร์ (PNPC) ที่มีสำนักงานในนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นบริษัทร่วมทุนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 ระหว่างบริษัทของลาว ไทย และบริษัทจากเกาหลีใต้ 2 บริษัท ตามการระบุบนเว็บไซต์ของโครงการ โดยเขื่อนไฟฟ้ากำลังผลิต 410 เมกะวัตต์แห่งนี้ มีกำหนดที่จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2562 ขณะที่วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ภาคภาษาลาว อ้างเจ้าหน้าที่แก้ไขสภาวะฉุกเฉินน้ำท่วมแขวงอัตตะปือระบุว่า ตามเหตุการณ์ได้รับแจ้งว่าเป็นการปล่อยน้ำ แต่เมื่อสังเกตพบว่าเกินขอบเขต แจ้งเวลา 1500 น แต่ก่อนเวลา 1700 น น้ำก็ท่วมแล้ว ประชาชนอพยพไปไม่ทัน อาศัยอยู่ตามหลังคาบ้านเรือน สัตว์เลี้ยง หมู หมา เป็ด ไก่ ไหลไปตามกระแสน้ำเตือนแค่ 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ เพียงแค่ 2 ชั่วโมง ปริมาณน้ำจำนวนมากก็ไหลลงจากทางใต้ และไหลเข้าท่วมเมืองสนามไชยอย่างรวดเร็ว โดยที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมลำน้ำเซเปียนยังไม่ทันได้รับรู้ใดๆ ประชาชนหลายคนก็หนีน้ำไม่ทัน เก็บข้าวของ สัตว์เลี้ยงไม่ทัน ไหลไปกับน้ำ โดยบริษัท เซเปียน-เซน้ำน้อย แจ้งว่า ขอแจ้งภาวะฉุกเฉินว่า สันเขื่อน D กำลังอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันในเขตการก่อสร้าง น้ำได้ท่วมล้นสันเขื่อน ถ้าหากสันเขื่อน D หักพังลงมา ปริมาณน้ำจำนวนมากกว่า 5 ล้านตันจะไหลตามลำน้ำเซเปียน ดังนั้น จึงขอแจ้งประชาชนที่อยู่เลียบลำน้ำดังกล่าวให้โยกย้ายออกไปเพื่อป้องกันความเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเขตเมืองสนามไชย แขวงอัตตะปือ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังให้ความช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมออกมาจากเขตภัยพิบัตินั้นอยู่ เพราะยังมีชาวบ้านบางส่วนที่หนีน้ำท่วมยังติดค้างตามหลังคาบ้าน และเสาไฟฟ้า ประชาชนกว่า 5,000 คนอยู่ในหมู่บ้านหินลาด บ้านใหม่ บ้านสนอง บ้านท่าแสง บ้านท่าหิน บ้านโคกกอง และหมู่บ้านตามแนวลำน้ำเซเปียน เมืองสนามไชย แขวงอัตตะปือ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะน้ำท่วมกะทันหัน ประชาชนหลายพันคนต้องโยกย้ายออกจากพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง ขณะเดียวกัน แขวงอัตตะปือต้องการความช่วยเหลือน้ำดื่ม อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แพทย์ และเรืออย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขณะนี้ประชาชนที่ถูกโยกย้ายออกจากบ้านที่ถูกน้ำท่วมใน 5 หมู่บ้าน ก็ออกมาอยู่ในที่ที่ทางการจัดสรรให้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่เนื่องจากประชาชนมีจำนวนมาก ทำให้ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง โดยเฉพาะน้ำดื่ม ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แพทย์ เนื่องจากมีเด็กจำนวนหนึ่งไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมา กังวลว่าเด็กจะเป็นโรคปอดบวม อีกทั้งที่นอนของประชาชนที่โยกย้ายหนีน้ำท่วมก็ยังไม่เพียงพอ ส่วนหนึ่งนอนในวัดและโรงเรียนที่ไม่ถูกน้ำท่วม สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ออกประกาศลงวันที่ 25 กค ว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มี พระบัญชาโปรดให้คณะสงฆ์หนตะวันออกทุกจังหวัด รวบรวมกัปปิยภัณฑ์พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค และมอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาทุกจังหวัด ดำเนินงานประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครั้งนี้ และโปรดให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศร่วมกันแผ่เมตตาจิต เพื่อให้ประชาชนชาวลาวผู้ประสบภัย ผ่านพ้นภัยพิบัติดังกล่าวไปได้โดยสวัสดิภาพ อนึ่ง โปรดมีพระบัญชาให้ไวยาวัจกรนำส่งกัปปิยภัณฑ์เท่าราคา 1,000,000 บาท เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ บิ๊กตู่ มอบ13พันล้านกีบ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 5 ล้านบาท หรือประมาณ 1,300 ล้านกีบ แก่นายแสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูต สปปลาวประจำประเทศไทย โดยนายกฯ แสดงความห่วงใยและน้ำใจของประชาชนชาวไทย ในฐานะมิตรประเทศที่ใกล้ชิด สำหรับใช้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากเหตุกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย นายกฯ ระบุว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านอาหาร น้ำสะอาด ยา และเต็นท์พลาสติก ในการบรรเทาอุทกภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหารและพลเรือน อาสาบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการประชุมเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือต่อไป ด้านนายแสงกล่าวแสดงความซาบซึ้งในไมตรีของรัฐบาลและประชาชนไทย ความช่วยเหลือของรัฐบาลและประชาชนไทยครั้งนี้ ยืนยันให้เห็นถึงมิตรภาพและน้ำจิตน้ำใจคนไทยที่มีต่อเพื่อนทั้งในยามปกติและเมื่อเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ เป็นมิตรภาพที่แท้จริง ขอขอบคุณอีกครั้ง ขณะนี้ทราบว่าหน่วยงานของลาวได้เร่งแก้ไขและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้มีสารแสดงความเสียใจส่งไปถึงนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปปลาว เชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของประชาชนชาวลาว พี่น้องชาวลาวจะสามารถก้าวผ่านภัยพิบัติในครั้งนี้ และสถานการณ์จะผ่านพ้นไปด้วยดีในเร็ววัน ที่กระทรวงกลาโหม พลทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลการประชุมสภากลาโหม ในการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน สปปลาว ทาง พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้กองบัญชาการกองทัพไทยเปิดวอร์รูมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการติดตามสถานการณ์ โดยใช้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และใช้กรมวิชาการกองทัพไทยเป็นหน่วยงานประสานระหว่างกองทัพบก, กองทัพเรือ และกองทัพอากาศในการปฏิบัติงาน โดยในขั้นต้น ได้ให้ทาง พลอพรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร เป็นผู้รับผิดศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทยเตรียม C-130 ทั้งนี้ ทางกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบิน 130 และเครื่องบินบีซี 725 เตรียมสแตนด์บาย และใช้สนามบินที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นสนามบินในการต่อระยะและใช้สนามบินปากเซ สปปลาว เป็นสนามบินปลายทางในการช่วยเหลือ ได้ประสานกับทางรัฐบาลลาวแล้ว โดยทางกองทัพบกได้เตรียมยานพาหนะและกำลังพล พร้อมเรือท้องแบนพร้อมแล้ว นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจผลิตฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท) ว่า บริษัทได้มอบเงินสนับสนุนช่วยเหลือเบื้องต้น 1,300 ล้านกีบ หรือประมาณ 5 ล้านบาท แก่ทางการ สปปลาว โดยขณะนี้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพร้อมทีมงานได้เดินทางไปสปปลาว เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย บริษัทขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชน ครอบครัว และทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เขื่อนดินย่อยส่วนดีทรุดตัว ส่วนการจัดการสถานการณ์ดังกล่าว บริษัท ไฟฟ้า เซเปียน-เซน้ำน้อย จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย เบื้องต้นได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและแขวงของ สปปลาว อย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนนับตั้งแต่วันที่ทราบเหตุจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ บริษัท ไฟฟ้า เซเปียน-เซน้ำน้อย จำกัด ผู้ดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอสเค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอมปะนี ลิมิเต็ด 28%, โคเรีย เวสเทิร์น เพาเวอร์ คอมปะนี ลิมิเต็ด 25%, ลาว โฮลดิ้ง สเตท เอ็นเตอร์ไพรส์ 24% และ บมจผลิตฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง 25% โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในแขวงอัตตะปือและแขวงจำปาสักใน สปปลาว นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าฯ กฟผ กล่าวว่า กรณีเขื่อนทรุดนั้นเป็นเพียงเขื่อนดินที่เป็นเขื่อนย่อยเท่านั้น ส่วนที่ตั้งโรงไฟฟ้าจะอยู่บริเวณเขื่อนใหญ่ที่อยู่ห่างจากจุดเขื่อนย่อยดังกล่าวออกไปเกือบ 10 กิโลเมตรไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีการตรวจสอบเขื่อนย่อยอื่นๆ เพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวจะทำให้การจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (ซีโอดี) ที่กำหนดไว้ กพ62 ต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ ทางราชบุรีฯคงจะต้องไปตรวจสอบและประเมินความเสียหายก่อน หากต้องเลื่อนออกไปจริง เรื่องนี้ก็คงจะต้องไปดูสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) ว่าเขียนไว้อย่างไร กฟผเองมีความผูกพันกับลาวถึง 50 ปี ก็เตรียมพร้อมความช่วยเหลือด้านต่างๆ ทั้งถุงยังชีพ อาหารที่จะส่งไป ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีที่ลาวขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานปัญหาแต่อย่างใด นายวิบูลย์กล่าว【อ่านข้อความเต็ม】

【 การเงินหุ้นจีน】ดูบอลสดทรูสปอร์ต 6ประเทศไทย

h4n | 2021-04-09 | อ่าน(11) | แสดงความคิดเห็น(354)

โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัย ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม 26 กรกฎาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น ดรนพทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวในงานกิจกรรมภายใต้หัวข้อ ภัยจากโรคกระดูกพรุน จัดโดยชมรมรักษ์กระดูก ภายใต้มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บแอมเจน ประเทศไทย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์ผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัยมากกว่าประชากรเด็ก คือมีผู้สูงวัย 18% เด็ก 159% และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรสูงวัยมากกว่า 20% และในปี 2574 จะมีอัตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงวัยจึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในยุโรปและอเมริกามีผู้หญิงสูงวัยมากกว่า 7 แสนรายประสบปัญหากระดูกสะโพกหัก มีอัตราการตายประมาณ 20-25% ในปีแรก ในขณะที่คนไข้มากกว่า 1 ใน 3 ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และประมาณ 1 ใน 5 ต้องนอนบนเตียงตลอดไป ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักทั่วโลกในปี พศ2593 คาดการณ์จะมีจำนวนประมาณ 625 ล้านราย และในเอเชียมีประมาณ 325 ล้านราย สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลสถิติอัตราการตายภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2541 เป็นจำนวน 289 รายต่อแสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 367 รายต่อแสนคนต่อปีในปี 2546 ส่วนใหญ่กระดูกสะโพกหักเกิดจากล้มจากการยืนระดับปกติเท่านั้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐสูงถึง 200,000-300,000 ราย และต้องใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 227 วัน กระดูกในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น กระดูกสามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และเติบโตได้ตามอายุ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นแกนหลักในการยึดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่เคลื่อนไหวได้ และทำหน้าที่เป็นส่วนแข็งปกป้องอวัยวะภายใน รวมทั้งเป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญหลายอย่างในร่างกาย และแคลเซียมยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระดูกมีความแข็ง ทำให้กระดูกจำเป็นที่ต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานตามหน้าที่ที่ดี ทั้งนี้ มีกรณีตัวอย่างของผู้หญิงอายุ 65 ปีคนหนึ่งมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกสันหลังหักยุบร่วมกับมีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุของโรคกระดูกพรุน ถ้าหากแพทย์ให้ความสนใจแค่การให้ยาระงับปวดมารับประทาน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาเรื่องโรคกระดูกพรุน หลังจากผ่านไป 4 ปี ผู้ป่วยคนนี้ก็กลับมาหาเราด้วยกระดูกสะโพกหักเนื่องจากล้ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะกระดูกหักซ้ำ ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้ประมาณ 20-25% ผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วตั้งแต่กระดูกสันหลังหักยุบ เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาตามแนวทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าการผ่าตัดดามกระดูกที่หักหรือการเปลี่ยนข้อเทียมใดๆ ไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้ ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจว่ากระดูกพรุนเป็นเรื่องของโรคคนชรา ไม่มีทางรักษาได้ ในปัจจุบันทางการแพทย์ถือว่าโรคกระดูกพรุนสามารถรักษาได้ ถึงแม้จะทำให้หายขาดไปเลยไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดกระดูกหักได้ โดยให้การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการป้องกัน การให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและให้ได้รับวิตามิน D ที่เพียงพอ รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสม และถ้าจำเป็นเราสามารถใช้ยาบางอย่างในการช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ ด้าน รศพญวิไล คุปต์นิรัติศัยกุล ประธานชมรมรักษ์กระดูก กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันหนึ่งของโรคกระดูกพรุนคือ อายุมากขึ้น และผู้หญิงเป็นได้ง่ายกว่าผู้ชาย บางคนมีประวัติกระดูกหักมาก่อน มีประวัติการผ่าตัดที่รังไข่ การขาดประจำเดือนเป็นเวลานาน มีการใช้ยาสเตียรอยด์ บริโภคแคลเซียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม และขาดการออกกำลังกาย สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุน ปัจจุบันมียากระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ และยายับยั้งการสลายกระดูก ทำให้ผู้ป่วยมีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรคคือ ให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสม รับแสงแดดอ่อนๆ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ที่เพียงพอ แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อยารับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเค็มจัด และรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี เพราะจะไปทำให้เกิดการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากเกินไป【อ่านข้อความเต็ม】